ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

10 อย่างที่ผู้ป่วยโรค หอบหืด ไม่ควรทำ





"หอบหืด" เป็นโรคประจำตัวของใครหลายๆ คน และพบผู้ป่วยเพศหญิงเพศชายในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน หอบหืดมีความรุนแรงต่อสุขภาพถึงขั้นเป็นหนึ่งในโรคประจำตัวที่เป็นโรคต้องห้ามในการทำหลายๆสิ่ง เช่นเป็นทหารเกณฑ์ไม่ได้ วันนี้จึงเอาความรู้มาฝากว่า ผู้ป่วยโรคหอบหืดห้ามทำสิ่งใดบ้าง


10 อย่างที่ผู้ป่วย "หอบหืด" ไม่ควรทำ


1. พักผ่อนน้อย นอนหลับไม่เพียงพอ


2. ตรากตรำทำงานหนัก หรือออกกำลังกายหนักเกินไป


3. กิน หรือสูดดมสิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น ฝุ่น เกสรดอกไม้ ถั่ว ฯลฯ


4. กินยาประเภทฮอร์โมน สเตียรอยด์ หรือเพรดนิโซโลน (ที่ใช้เพื่อยับยั้งการอักเสบ)


5. ใช้ยาพ่นเกินขนาด หรือเกินจำนวนครั้งที่แพทย์กำหนด หากใช้ยาพ่นแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์


6. ทานอาหารที่มีซัลไฟท์เป็นสารประกอบ เช่น ผลไม้แห้งต่างๆ ผักดอง เครื่องเทศ ไวน์ เบียร์ น้ำมะนาว สีผสมอาหาร ผงชูรส และ ดินประสิว (มักใส่ในแหนม) เป็นต้น


7. ปล่อยให้ตัวเองมีอารมณ์ขี้หงุดหงิด โมโห ฉุนเฉียว เพราะสภาพอารมณ์ป็นสิ่งเร้าให้เกิดอาการหอบหืดกำเริบได้เช่นกัน


8. สูบบุหรี่


9. ปล่อยปะละเลย ให้อาการไข้หวัด หรือหลอดลมอักเสบหายเอง หากไม่รีบรักษาอย่างถูกวิธี มีโอกาสที่จะทำให้อาการหอบหืดกำเริบรุนแรงขึ้น


10. อยู่ในที่แออัด อบชื้น อากาศไม่ระบายถ่ายเท





อาการของผู้ที่เป็นโรคหอบหืด


    อาการสำคัญของผู้ป่วยโรคหืดคือ อาการไอ อาการหอบ และหายใจมีเสียงหวีด อาการไอมักจะไอแห้งๆหรืออาจมีเสมหะเล็กน้อย สีขาวใส ผู้ป่วยจะมีอาการเป็นๆหายๆ อาการมักเป็น มากในเวลากลางคืนหรือเวลาที่สัมผัสสิ่งกระตุ้น (สารก่อภูมิแพ้) เนื่องจากหลอดลมผู้ป่วยโรคหืดไวต่อสิ่งกระตุ้นผิดปกติ ดังนั้นเวลาสัมผัสสิ่งกระตุ้นหลอดลมจะหดตัวทำให้หลอดลมตีบ ทำให้ผู้ป่วยโรคหืดมีอาการไอ หอบ หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด ซึ่งเราเรียกว่า การจับหืด ถ้าหลอดลมไม่ตีบมากนัก ผู้ป่วยอาจมีแต่อาการไอเพียงอย่างเดียวและไม่รู้สึกเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก หรือมีเสียงหวีด
      อาการหอบหายใจลำบากและมีเสียงหวีดนี้ บางทีก็อาจทุเลาหายไปได้เองหรือดีขึ้นเมื่อกินยาหรือพ่นยาขยายหลอดลม แต่ถ้าหลอดลมตีบมากผู้ป่วยก็จะมีอาการมากจนทำงานปกติไม่ไหว ต้องหยุดงานและต้องมารับการรักษาที่โรงพยาบาลหรือห้องฉุกเฉิน บางครั้งหลอดลมตีบมาก ผู้ป่วยอาจหายใจไม่ได้เลย ส่งผลให้ขาดอากาศหายใจ ทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งเรามักจะไม่ทราบว่าโรคหืดทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ เพราะส่วนมากผู้ป่วยจะไม่เสีย ชีวิตเพราะได้รับการรักษาก่อน



ดังนั้น ถึงแม้ว่าหอบหืดจะไม่ใช่โรคอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต แต่หากมีอาการหนัก มีอาการแทรกซ้อน หรือบวกรวมกับโรคส่วนตัวอื่นๆ ก็อาจจะอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้เองผู้ป่วยโรคหอบหืดควรดูแลตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายเป็นประจำ (ไม่หนักจนเกินไป) เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานโรคต่างๆ ด้วยตัวเอง ไปพบแพทย์รักษา หรือหาทางเลือกกินยาสมุนไพร หรือ อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ เช่น ยาน้ำสมุนไพรโหย่งเหิง หรือ ยาเม็ดสมุนไพรโหย่งหมิง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สรรพคุณยาน้ำสมุนไพรจีน แผนโบราณ โหย่งเหิง

             ยาน้ำสมุนไพรจีน " โหย่งเหิง " มีต้นกำเนิดมาจาก ตำรับยาจีนโบราณของหมอยาจีนผู้หนึ่งในสมัยราชวงศ์ฮั่น ผู้ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ “เตียตังเก้ง” หมอยาจีนที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น และเป็นผู้แต่งตำรับยา “ตงก๊กเอียไชฮัก” ซึ่งถือเป็นตำรับยาเก่าแก่อันสูงส่งของจีน จากตำรับยาจีนโบราณ ในทางเดียวกันสูตรยานี้ยังได้รับการปรับปรุงและพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นตำรับยา ใหม่ พร้อมๆกับได้รับการยอมรับว่าเป็นตำรับยาอายุวัฒนะที่ยอดเยี่ยมในสมัยนั้น เมื่อคนรุ่นลูกรุ่นหลานนำเอาสูตรยานี้มาปรุงดื่มกันต่อเรื่อยๆ จนทำให้สุขภาพดี แข็งแรง และอายุยืน สรรพคุณของยานี้จึงเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางและแพร่หลายมากขึ้น จากนั้นสูตรยาดังกล่าวก็ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น    หนึ่งในผู้ที่ได้รับการตกทอดสูตรยาดังกล่าวในประเทศไทย คือ “บริษัท เจริญโอสถ จำกัด” ภายใต้การบริหารงานของ “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ประธานกรรมการบริษัทฯ ซึ่งรู้แจ้งเห็นจริงถึงสรรพคุณอันอเนกอนันต์ของสูตรยาจีนดังกล่าวนี้ จึงเกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะเผยแพร่สูตรยาจีนอย่างจริงจังด้วยความมุ่งมาด ปรารถนาให้ผู้อื่นได้มีสุขภาพที่ดีโดยทั่วกัน โดยเอาสูตร

Yong Ming โหย่งหมิง ยาสมุนไพรชนิดเม็ด บำรุงร่างกาย แก้ปวดเมื่อย ขับสารพิษ สร้างภูมิต้านทานโรค

     ยาสมุนไพรจีนชนิดเม็ด " โหย่งหมิง " (Yong Ming) มีต้นกำเนิดมาจาก ตำรับยาจีนโบราณของหมอยาจีนผู้หนึ่งในสมัยราชวงศ์ฮั่น ผู้ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ “เตียตังเก้ง” หมอยาจีนที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น และเป็นผู้แต่งตำรับยา “ตงก๊กเอียไชฮัก” ซึ่งถือเป็นตำรับยาเก่าแก่อันสูงส่งของจีน จากตำรับยาจีนโบราณ ในทางเดียวกันสูตรยานี้ยังได้รับการปรับปรุงและพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นตำรับยา ใหม่ พร้อมๆกับได้รับการยอมรับว่าเป็นตำรับยาอายุวัฒนะที่ยอดเยี่ยมในสมัยนั้น เมื่อคนรุ่นลูกรุ่นหลานนำเอาสูตรยานี้มาปรุงดื่มกันต่อเรื่อยๆ จนทำให้สุขภาพดี แข็งแรง และอายุยืน สรรพคุณของยานี้จึงเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางและแพร่หลายมากขึ้น จากนั้นสูตรยาดังกล่าวก็ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น    หนึ่งในผู้ที่ได้รับการตกทอดสูตรยาดังกล่าวในประเทศไทย คือ “บริษัท เจริญโอสถ จำกัด” ภายใต้การบริหารงานของ “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ประธานกรรมการบริษัทฯ ซึ่งรู้แจ้งเห็นจริงถึงสรรพคุณอันอเนกอนันต์ของสูตรยาจีนดังกล่าวนี้ จึงเกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะเผยแพร่สูตรยาจีนอย่างจริงจังด้วยความมุ่งมาด ปรารถนาให้ผู้อื่นได้มีสุขภาพที่ดีโดยทั่วกัน

Bio Beautise ACEROLA CHERRY GLUTA PLUS ไบโอบิวทิส อะเซโรล่า เชอร์รี่ กลูต้าพลัส ‪วิตามินซี‬ มี‎แอลกลู้ต้าไธโอน‬

Bio Beautise ACEROLA CHERRY GLUTA PLUS ไบโอบิวทิส อะเซโรล่า เชอร์รี่ กลูต้าพลัส ‪ วิตามินซี‬ มี แอลกลู้ต้าไธโอน‬ ต่อต้าน อนุมูลอิสระ เพื่อสุขภาพผิวกระจ่างใส สร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย สกัดจากผลอะเซโรลาเชอร์รี่ประเทศนอร์เวย์ ที่สกัดให้อยู่ในรูปแบบที่ร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีเยี่ยม นอกจากนั้น แต่ละเม็ดของ วิตามินซี “ไบโอ บิวทิส” มีแอลกลู้ต้าไธโอนที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตับในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย โดยวิตามินซีจะช่วยเพิ่มการดูดซึมของแอลกลูต้าไธโอนเข้าสู่ร่างกายได้ถึง 4 เท่า และ ซีตรัส ไบโอฟลาโวนอยด์ ที่อยู่ในเม็ดวิตามินซี “ไบโอ บิวทิส” ทำหน้าที่ให้วิตตามินซีเกิดความคงตัวมากขึ้น วิตตามินซีจึงไม่สูญสลายไปได้ง่าย มีผลให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากวิตตามินซีอย่างเต็มประสิทธิภาพ วิตามินซี “ไบโอ บิวทิส” ช่วยดูแลสุขภาพป้องกันหวัดและสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย และนอกจากนั้นการทำงานร่วมกันของแอลกลูต้าไธโอนกับวิตตามินซีมีผลทำให้ผิวกายเกิดความกระจ่างใสมากขึ้นได้ด้วยการเกิดกลไกการเปลี่ยนยูเมลานินใต้ผิวที่เป็นเม็ดสีที่มีสีคล้ำให้กลายเป็นฟีโอเมลานินที